ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

การก่อการกำเริบ 8888

การก่อการกำเริบ 8888 (อังกฤษ: 8888 Uprising; พม่า: ၈၄လုံး หรือ ရ္ဟစ္‌လေးလုံး) เป็นการกำเริบระดับชาติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศพม่า เมื่อ ค.ศ. 1988 การก่อการกำเริบนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1988 และจากวันที่นี้ (8-8-88) ทำให้เหตุการณ์นี้มักเป็นที่รู้จักในชื่อ "การก่อการกำเริบ 8888"

ประเทศพม่าปกครองด้วยพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าในฐานะรัฐที่มีพรรคการเมืองเดียวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 การปกครองเน้นชาตินิยมและรัฐเข้าควบคุมการวางแผนทุกประการ การลุกฮือครั้งนี้เริ่มจากนักศึกษาในย่างกุ้งเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2531 การประท้วงของนักศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ต่อมามีคนเรือนแสนที่เป็นพระภิกษุ เยาวชน นักศึกษา แม่บ้านและหมอ ออกมาประท้วงต่อต้านระบอบการปกครอง การประท้วงสิ้นสุดลงในวันที่ 18 กันยายน หลังจากเกิดรัฐประหารที่นองเลือดของสภาฟื้นฟูกฎหมายและกฎระเบียบแห่งรัฐซึ่งเป็นองค์กรที่เปลี่ยนรูปมาจากพรรคโครงการสังคมนิยมพม่า มีผู้เสียชีวิตนับพันคนจากปฏิบัติการทางทหารระหว่างการก่อการกำเริบ ในขณะที่ในพม่ารายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 350 คน

ในระหว่างวิกฤติการณ์ อองซาน ซูจีได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะสัญลักษณ์ของชาติ เมื่อทางกองทัพจัดการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2533 พรรคของเธอคือสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยได้ 80% ของที่นั่งทั้งหมดในสภา แต่กองทัพปฏิเสธผลการเลือกตั้งและกักตัวอองซาน ซูจีไว้ในบ้านพัก การกักตัวสิ้นสุดลงประมาณ พ.ศ. 2553

ก่อนเข้าสู่วิกฤติ พม่าปกครองด้วยระบบที่โดดเดี่ยวตัวเองของเนวินตั้งแต่ พ.ศ. 2505 ประเทศมีหนี้สิน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีเงินสดสำรองระหว่าง 20 – 35 ล้านเหรียญ อัตราหนี้สินภาคบริการเป็นครึ่งหนึ่งของงบประมาณของประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2528 มีนักศึกษาออกมาประท้วงคว่ำบาตรรัฐบาลที่ประกาศยกเลิกธนบัตรที่ใช้ในตลาด

ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2530 เนวินได้ประกาศยกเลิกธนบัตรราคา 100 75 35 และ 25 จ๊าดที่เพิ่งออกใช้ใหม่ และให้ใช้ธนบัตรเพียง 45 และ 90 จ๊าด เนื่องจากเป็นธนบัตรที่ตัวเลขหารด้วยเก้าลงตัว ซึ่งถือเป็นเลขนำโชคของเนวิน นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีย่างกุ้งได้เริ่มประท้วงที่ย่างกุ้ง ทำให้มหาวิทยาลัยในย่างกุ้งปิดเพื่อให้นักศึกษากลับบ้าน ต่อมา มีการประท้วงครั้งใหญ่ในมัณฑะเลย์โดยพระสงฆ์และกรรมกร มีการเผาอาคารของรัฐและธุรกิจของรัฐ สื่อในพม่ารายงานเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการประท้วง แต่ข้อมูลได้แพร่กระจายไปโดยเร็วในหมู่นักศึกษา

เมื่อมีการเปิดเรียนอีกครั้งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2530 มีกลุ่มที่เคลื่อนไหวใต้ดินในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ออกมาวางระเบิดในเดือนพฤศจิกายน ตำรวจได้รับจดหมายจากกลุ่มใต้ดินซึ่งจัดการประท้วงขนาดเล็กในมหาวิทยาลัย หลังจากที่พม่าได้รับสถานะประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2530 รัฐบาลได้วางนโยบายให้เกษตรกรขายผลผลิตในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด เพื่อให้รัฐบาลได้กำไรเพิ่มขึ้น จึงมีการประท้วงอย่างรุนแรงในเขตชนบท

ในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2531 นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีย่างกุ้งได้โต้เถียงในร้านน้ำชาซานดา ซินเกี่ยวกับการเล่นดนตรีผ่านเครื่องเสียง คนที่เมาไม่สามารถกรอเทปไปยังเพลงที่นักศึกษาต้องการ ทำให้เกิดการทำร้ายร่างกายกันขึ้น คนในร้านที่เป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่ BSPP ถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายนักศึกษาและถูกปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว นักศึกษาได้ประท้วงที่สถานีตำรวจในท้องถิ่น แต่มีตำรวจ 500 คนมาสลายการชุมนุม นักศึกษาคนหนึ่งชื่อโพน เมาถูกยิงเสียชีวิต เหตุการณ์ทำให้ผู้ต้องการประชาธิปไตยโกรธแค้นและมีการปลุกระดมในมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ไม่เคยเข้าร่วมมาก่อนได้มาร่วมด้วยและได้ขยายเป้าหมายจากการใช้อำนาจของตำรวจไปสู่การประท้วงการทำงานของรัฐบาล

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม มีการประท้วงเกิดขึ้นหลายแห่ง และมีการสลายฝูงชนด้วยแก๊สน้ำตา กลุ่มนักศึกษาได้ขว้างก้อนหินเข้าใส่ตำรวจ เผาร้านน้ำชาและอาคารอีกหลายหลัง ในวันที่ 16 มีนาคม นักศึกษาประท้วงต้องการให้เน วินลาออกและยกเลิกการปกครองด้วยระบอบพรรคการเมืองเดียว และได้ตั้งขบวนเดินเข้าหาทหารที่ทะเลสาบอินยา ทำให้มีนักศึกษาหลายคนเสียชีวิตและถูกข่มขืน นักศึกษาหลายคนได้ยินเสียงตำรวจตะโกน “อย่าให้มันหนี” และ “ฆ่ามัน” ซึ่งทำให้กลุ่มต่อต้านได้รับการสนับสนุนมากขึ้น การประท้วงครั้งนี้ได้ลุกลามไปจนถึงวันที่ 18 มีนาคม รัฐบาลจึงควบคุมสถานการณ์ได้ รัฐบาลพม่ารายงานว่าตำรวจยิงนักศึกษาเสียชีวิต 2 คน นักศึกษาถูกจับกุม 625 คน ต่อมาได้ปล่อยตัว 484 คน ควบคุมตัวไว้ 141 คน

หลังจากการประท้วงครั้งล่าสุด ได้ประกาศปิดมหาวิทยาลัยเป็นเวลาหลายเดือน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2531 มีการประท้วงครั้งใหญ่ของนักศึกษา .ในวันที่ 17 มิถุนายน นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะและวิทยาศาสตร์แห่งย่างกุ้งได้จัดชุมนุมใหญ่ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับกุม และให้รัฐบาลรับรองสหภาพนักศึกษาที่ถูกยุบไปเมื่อ พ.ศ. 2505 รัฐบาลสั่งปิดมหาวิทยาลัยในวันที่ 21 มิถุนายนและสั่งให้นักศึกษาจากต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนา นักศึกษายังคงประท้วงต่อไป มีนักศึกษาและตำรวจปราบจลาจลจำนวนมากที่เสียชีวิตจากการประท้วงในเดือนนี้ รัฐบาลได้ประกาศห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่ 18.00 – 6.00 น. จนถึง 19 กรกฎาคม และมีการประท้วงได้กระจายไปเกิดขึ้นในอีกหลายเมืองในพม่า เช่น พะโค มัณฑะเลย์ ทวาย ตองอู ชิตตเว ปกอกกู เมอกุย มินบู และมยิตจีนาเป็นต้น ผู้ประท้วงต้องการให้ใช้ระบอบหลายพรรคการเมือง ทำให้เน วินประกาศลาออกเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 เน วินกล่าวว่าเขาเห็นด้วยกับระบบหลายพรรคการเมืองแต่ต้องให้เป็นหน้าที่ตัดสินใจของเส่ง วิน ผู้นำคนใหม่

การประท้วงมาถึงจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2531 นักศึกษาวางแผนให้มีการประท้วงทั่วประเทศในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ข่าวของการประท้วงไปถึงเขตชนบท และ 4 วันก่อนการประท้วง นักศึกษาทั่วประเทศออกมาประท้วงให้เส่ง วินลาออกและรัฐบาลทหารสลายตัวไป มีการติดโปสเตอร์ตามถนนในย่างกุ้งโดยสหภาพนักศึกษาพม่าทั้งมวล กลุ่มใต้ดินออกมาเคลื่อนไหวซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงของพระสงฆ์และคนงานใน พ.ศ. 2523 ในช่วง 2 - 10 สิงหาคม กลุ่มผู้ประท้วงได้ปรากฏตัวในเมืองส่วนใหญ่ในพม่า

ในช่วงนี้ หนังสือพิมพ์ของฝ่ายต่อต้านได้ตีพิมพ์อย่างอิสระ การเดินขบวนประท้วงสามารถทำได้ และผู้ปราศรัยได้รับการคุ้มครอง ในย่างกุ้ง สัญลักษณ์แรกของการเคลื่อนไหวปรากฏในวันพระที่ชเวดากอง ซึ่งนักศึกษาออกมาสนับสนุนการประท้วง ในบางพื้นที่มีการบริจาคเพื่อสนับสนุนการเดินขบวน

ในช่วง 2-3 วันแรกของการประท้วงในย่างกุ้ง ผู้ประท้วงได้ติดต่อทนายและพระในมัณฑะเลย์เพื่อให้เข้าร่วมการประท้วง นักศึกษาเข้าร่วมการประท้วงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชาวพม่าหลายอาชีพ การประท้วงบนถนนในย่างกุ้งได้แพร่กระจายไปตามเมืองสำคัญ มีผู้ประท้วง 10,000 คนที่พระเจดีย์สุเล มีการเผาหุ่นของเน วินและเส่ง วิน มีการประท้วงเกิดขึ้นต่อเนื่องในสนามกีฬาและโรงพยาบาลทั่วประเทศ รัฐบาลได้ประกาศกฏอัยการศึกในวันที่ 3 สิงหาคมห้ามชุมนุมเกิน 5 คนและห้ามออกนอกเคหสถานระหว่าง 20.00 – 4.00 น.

การนัดหยุดงานที่วางแผนไว้เริ่มในวันที่ 8 สิงหาคม การประท้วงอย่างหนักเกิดขึ้นทั้งพม่ารวมทั้งชนกลุ่มน้อย ชาวพุทธและมุสลิม นักศึกษา คนงาน เยาวชน ล้วนออกมาประท้วง มีการเรียกร้องให้ทหารออกมาร่วมกับการเรียกร้องของประชาชน ในมัณฑะเลย์มีการประท้วงอย่างเป็นระบบและอภิปรายเกี่ยวกับระบบหลายพรรค ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ผู้เข้าร่วมมาจากเมืองและหมู่บ้านใกล้เคียง มีการนัดหยุดงาน ชาวนาที่ไม่พอใจรัฐบาลได้ไปประท้วงที่ย่างกุ้ง

หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลไดมีคำสั่งให้สลายฝูงชนด้วยอาวุธ เน วินสั่งว่า “ปืนไม่ได้มีไว้ยิงขึ้นฟ้า” ผู้ประท้วงได้ใช้ดาบ มีด ก้อนหิน สารพิษและรถจักรยานเป็นอาวุธ ผู้ประท้วงเผาสถานีตำรวจ ในวันที่ 10 สิงหาคม ทหารได้บุกเข้าไปในโรงพยาบาลย่างกุ้ง ฆ่าหมอและพยาบาลที่รักษาผู้บาดเจ็บจากการประท้วง วิทยุของรัฐบาลรายงานว่ามีผู้ถูกจับกุม 1,451 คน ทหารได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 95 คน บาดเจ็บ 240 คน

เส่ง วินได้ลาออกอย่างไม่มีใครขาดหมายในวันที่ 12 สิงหาคม ทำให้ผู้ประท้วงเกิดความสับสน ในวันที่ 19 สิงหาคม ท่ามกลางเสียงเรียกร้องต้องการรัฐบาลพลเรือน ดร. หม่อง หม่องได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งเขาเป็นพลเรือนคนเดียวในพรรคโครงการสังคมนิยมพม่า การเข้ามาของหม่อง หม่องทำให้นักศึกษาที่เป็นแกนนำในการประท้วงได้ประกาศปฏิเสธการแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ การประท้วงเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ในมัณฑะเลย์มีผู้ออกมาประท้วง 100,000 คนรวมทั้งพระสงฆ์ และในชิตตเวอีก 50,000 คน มีการเดินขบวนในตองจีและมะละแหม่ง อีก 2 วันต่อมามีผู้คนหลากหลายอาชีพเข้าร่วมการประท้วง ในช่วงนี้

ในวันที่ 26 สิงหาคม อองซาน ซูจีได้ออกมาร่วมกับผู้ประท้วงที่พระเจดีย์ชเวดากองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการกลายเป็นสัญลักษณ์เพื่อการต่อสู้ในพม่า ซูจีเรียกร้องให้ประชาชนชุมนุมโดยสงบ ณ จุดนี้ ในเวลานั้น การลุกฮือมีลักษณะคล้ายกับการกำเริบพลังประชาชนในฟิลิปปินส์เมื่อ พ.ศ. 2529 ในเวลานี้ อูนุและอาวจีได้กลับมามีบทบาททางการเมืองอีก

ในการประชุมสภาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2531 มีผู้ออกเสียงให้ใช้ระบบหลายพรรคการเมืองถึง 90% พรรคโครงการสังคมนิยมพม่าออกมาประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้ง แต่พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้ลาออก เพื่อให้มีรัฐบาลชั่วคราวเข้ามาจัดการเลือกตั้ง พรรคโครงการสังคมนิยมพม่าปฏิเสธ ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงออกมาอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2531 ในช่วงกลางเดือนกันยายน การประท้วงเป็นไปด้วยความรุนแรงและผิดกฎหมาย เกิดการประท้วงกันอย่างรุนแรง

ในวันที่ 18 กันยายน ทหารได้กลับมาปกครองประเทศอีกครั้ง นายพลซอหม่องได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 และจัดตั้งสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐหรือสลอร์ก หลังจากที่ได้ประกาศกฏอัยการศึก ได้เกิดการประท้วงที่รุนแรงขึ้น นักศึกษา พระสงฆ์และนักเรียนราวพันคนถูกสังหาร และมีประชาชนอีก 500 คนถูกฆ่าในการประท้วงนอกสถานทูตสหรัฐอเมริกา นักศึกษาบางส่วนได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย

สิ้นเดือนกันยายน ประมาณว่ามีผู้เสียชีวิตราว 3,000 คน และผู้บาดเจ็บไม่ทราบจำนวน เฉพาะในย่างกุ้งมีผู้เสียชีวิตประมาณพันคน ในวันที่ 21 กันยายน รัฐบาลได้เข้ามาปกครองประเทศและขบวนการต่อต้านได้สลายตัวไปในเดือนตุลาคม เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2531 เชื่อว่าผู้เสียชีวิตร่วมหมื่นคนและสูญหายอีกจำนวนมาก

หลายคนในพม่าเชื่อว่าระบอบนี้จะล่มสลายเพราะสหประชาชาติและประเทศเพื่อนบ้านตัดความช่วยเหลือ ชาติตะวันตกและญี่ปุ่นตัดความช่วยเหลือทันที อินเดียได้ปิดชายแดนและจัดตั้งค่ายผู้อพยพตามแนวชายแดนพม่า ใน พ.ศ. 2532 สมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติประชาธิปไตยได้ออกไปอยู่ในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนที่มีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเช่นกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง ต่อมาหลายคนเข้าร่วมฝึกเป็นทหาร

สื่อในพม่าระหว่างนั้นถูกควบคุมและรายงานข่าวที่เป็นมิตรกับรัฐบาล ระหว่าง พ.ศ. 2531 – 2543 รัฐบาลพม่าได้สร้างพิพิธภัณฑ์ 20 แห่ง ให้รายละเอียดเกี่ยวกับบทบาทของทหารในประวัติศาสตร์พม่า

ในปัจจุบันเหตุการณ์นี้เป็นที่จดจำในพม่า นักศึกษาพม่าที่อยู่ในไทยได้จัดงานรำลึกทุกวันที่ 8 สิงหาคม ในการฉลองครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์นี้ในพม่า มีผู้ถูกจับกุม 48 คน มีผู้เขียนบทกวีเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ ภาพยนตร์ใน พ.ศ. 2538 เรื่อง Beyond Rangoon ใช้ข้อมูลจากเหตุการณ์นี้ ผู้ประท้วงบางคนมีบทบาทอีกในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลพม่าใน พ.ศ. 2550 กลุ่มนักศึกษา 88 มีส่วนในการจัดการประท้วงและถูกจับกุมคุมขังหลายคน


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301